Summer นี้ ไปเที่ยวทะเลมา หน้าไหม้ ผิวเบิร์น จะแก้อย่างไรดี?

ไปเที่ยวทะเลมา ไม่ว่าจะว่ายน้ำ ดำน้ำ เดินเล่นริมชายหาด หรือจะนั่งจิบดริ้งค์อยู่ในร่ม ยังไงก็หนีไม่พ้นรังสี UV ซึ่งสามารถสะท้อนจากผิวน้ำ และพื้นทรายเข้าสู่ผิวเราได้ หากเราปกป้องผิวจากแสงแดดได้ไม่ดีพอ ย่อมทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้เกรียม หมองคล้ำ หรือที่เรียกว่า sun burn ได้ง่าย ๆ วันนี้เราจะมาดูกันว่า ถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้แล้ว จะกู้ผิวให้กลับมาสวยสดใส สุขภาพดีกันได้อย่างไร

แสงแดดมีผลอย่างไรกับปราการผิว

การวิจัยทางการแพทย์พบว่าเมื่อเซลล์ผิวชั้นบนของเราโดนแสงแดด จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายอย่าง เช่น ส่งผลให้ผิวชั้นบนบางลง¹ มีการกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระมากยิ่งขึ้น² อีกทั้งส่งผลให้การเรียงตัวของเซลล์ผิวชั้นบนและรูปร่างของเซลล์ผิว (corneocytes) ผิดปกติไป³ เหล่านี้ล้วนส่งผลให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอ และมีความไวต่อสิ่งแปลกปลอม สารก่อการระคายเคือง และการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

เท่านั้นยังไม่พอ รังสียูวียังสามารถกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวเมลานินที่เพิ่มมากขึ้น⁴ ประกอบกับเกิดการอักเสบที่ชั้นผิว และระดับภูมิคุ้มกันผิวที่ลดลง¹ ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ ผิวไหม้เกรียมจากการออกแดด ซึ่งอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าถ้ามีความรุนแรงมากก็จะเกิดปัญหาผิวที่ร้ายแรงตามมาได้ โดยอาการเริ่มต้นของ Sun burn จะเริ่มจากผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อน มีอาการแสบร้อนยิบ ๆ และหลังจากออกแดดไปแล้ว 24 ชม. จะเริ่มมีอาการอื่น ๆ ตามมา อาจมีการระคายเคือง เจ็บปวดมากขึ้น ผิวเริ่มบวมหรือกลายเป็นตุ่มน้ำพุพอง และอาจมีการติดเชื้อจากตุ่มน้ำที่แตกออก ทั้งนี้ระดับความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับความแรงของรังสี UV และระยะเวลาในการออกแดดนั่นเอง

จะเห็นได้เลยว่า ชั้นปราการผิวมีบทบาทสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง (จากการสร้างเม็ดสีเมลานินมาช่วยป้องกันรังสี UV) แต่ถ้าปริมาณของรังสี UV มีมากเกินกว่าจะป้องกันไหวย่อมทำให้ปราการผิวถูกทำร้ายและเกิดเป็นปัญหา Sun burn ในที่สุด

เซราไมด์ช่วยดูแลผิวหลังออกแดดได้อย่างไร

การฟื้นบำรุงชั้นปราการผิวเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หลังจากที่เราออกแดด (ไม่ว่าจะเกิดปัญหาผิวไหม้เกรียมจากแสงแดดหรือไม่ก็ตาม) เพราะชั้นปราการผิวได้ถูกทำร้ายจากรังสี UV ไปแล้ว

โดยปกติชั้นปราการผิวประกอบไปด้วยเซลล์ผิวคอร์นีโอไซท์ และ ชั้นไขมันไลปิดไบเลเยอร์ที่เรียงตัวกัน เปรียบเซลล์ผิวเสมือนกำแพงอิฐ และไขมันไลปิดไบเลเยอร์เปรียบเสมือนปูน ที่ช่วยเชื่อมเซลล์ผิวเข้าด้วยกันและไม่ทำให้มีช่องว่างหรือรูโหว่ระหว่างเซลล์ผิว ซึ่งไขมันสำคัญในชั้นไลปิดไบเลเยอร์ ประกอบไปด้วย

การเติมเซราไมด์ กลับเข้าสู่ผิวจึงช่วยฟื้นบำรุงชั้นปราการผิวให้กลับมาแข็งแรงแลมีสุขภาพดีได้อีกครั้ง โดยการเติมเซราไมด์กลับเข้าสู่ผิวควรเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวเลย และมีการเลือกใช้คลีนเซอร์และมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมทาผิวสำหรับผิวหลังออกแดดที่แตกต่างกันไปตามสภาพผิวหลังออกแดด ซึ่งจะเล่าให้ฟังในหัวข้อถัดไป

การเลือกครีมทาผิว และคลีนเซอร์ สำหรับผิวหลังออกแดด

การเลือกใช้คลีนเซอร์และครีมทาผิวสำหรับผิวหลังออกแดดมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะสภาพของผิวหลังการออกแดดที่แตกต่างกัน คลีนเซอร์และครีมทาผิวแต่ละชนิดก็จะมีความเหมาะสมแตกต่างกันไปด้วย

ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากที่ออกแดดหรือผิวเกิดอาการไหม้เกรียมจากแสงแดด ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีความอ่อนโยนเป็นพิเศษ โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อชั้นปราการผิวซึ่งเพิ่งจะถูกทำร้ายมา คลีนเซอร์ที่เหมาะสมที่สุดจึงเป็นคลีนเซอร์ที่มีฟองอ่อน ๆ หรือไม่มีฟองเลย (ซึ่งคลีนเซอร์ที่มีฟอง อาจจะมีสารทำความสะอาดที่ไม่เหมาะกับผิวหลังออกแดดก็ได้) และถ้าจะให้ดีหลังอาบน้ำหรือล้างหน้าเสร็จ ถ้ามี moisturizing film เคลือบผิวบาง ๆ ได้ด้วยก็จะดี อย่างเช่น เซราวี ไฮเดรติ้ง คลีนเซอร์ เพราะเป็นสูตรไม่มีฟอง เพื่อลดโอกาสที่จะไปทำลายชั้นปราการผิว อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากสถาบัน NEA (National Eczema Association) อีกด้วย จึงมั่นใจได้ในความอ่อนโยน แม้เป็นคนที่ปราการผิวถูกทำร้ายก็สามารถใช้ได้อย่างสบายใจ วิธีใช้คือ นวดเนื้อคลีนเซอร์ซึ่งจะเป็นครีมสีขาวบนผิวหน้าหรือผิวกายที่เปียกน้ำหมาด ๆ อย่างเบามือ อย่างน้อย 30 วินาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด (ไม่แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ควรอาบน้ำหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ) หลังใช้จะรู้สึกได้เลยว่า มีฟิล์มของความชุ่มชื่นเคลือบคลุมผิวอยู่บาง ๆ ซึ่งจะให้ความรู้สึก นุ่ม และสบายผิวมาก ๆ หลังจากอาบน้ำและซับตัวจนแห้งแล้ว ให้รีบลงครีมทาผิวทันที สำหรับผิวกายแนะนำ เซราวี มอยส์เจอร์ไรซิ่ง โลชั่น เพราะเนื้อสัมผัสที่เบาสบายผิว จะให้ความอ่อนโยนต่อผิวที่เพิ่งถูกทำร้ายจากรังสี UV มาได้มากกว่า และสำหรับผิวหน้า แนะนำ เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM) ซึ่งในสูตรนี้จะมีส่วนผสมพิเศษ คือ 4% ไนอาซินาไมด์ ที่มีส่วนช่วยในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบของผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยการลดความหมองคล้ำที่เกิดขึ้นหลังจากออกแดดได้

สำหรับคนที่ผ่านช่วงออกแดด หรือผิวไหม้เกรียมมาหลายวันแล้ว (ผิวหายจากระยะที่อักเสบหรือแดงแล้ว) และอยากให้ผิวกลับมาดูกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ มีคลีนเซอร์อีกสูตรหนึ่งที่เหมาะมาก นั่นก็คือ เซราวี เอสเอ สมูธติ้ง คลีนเซอร์ ที่จะมีส่วนผสมของ ซาลิไซลิก แอซิด และ PHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมอง คล้ำและช่วยเผยผิวกระจ่างใสได้เร็วยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทำร้ายชั้นปราการผิว ส่วนครีมทาผิวกายสามารถใช้ เซราวี มอยส์เจอร์ไรซิ่ง โลชั่นหรือครีม (ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และสภาพความแห้งของผิวขณะนั้น) และครีมทาผิวหน้า สามารถใช้ เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM) เหมือนเดิมได้เลย ซึ่งครีมทาผิวทั้ง 2 ชนิดนี้ จะมีเทคโนโลยี MVE ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเซราวี ช่วยในการควบคุมและปลดปล่อยสารสำคัญและความชุ่มชื่นสู่ผิวอย่างต่อเนื่องยาวนาน 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของเซราวี ยังประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยเสริมชั้นปราการผิวให้แข็งแรง อาทิ

เซราไมด์ 1 : เสริมความแข็งแรงของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ผิว5 เซราไมด์ 3 : ช่วยคงความชุ่มชื่นในระยะยาว6 เซราไมด์ 6-II : เป็น Natural Moisturizing Factor หรือ สารที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวตามธรรมชาติ7

อีกทั้ง Phytosphingosine, Cholesterol, Fatty acid และ Hyaluronic acid จึงมั่นใจได้ว่าผิวของคุณจะได้รับการดูแล ให้กลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น และมีชั้นปราการผิวที่แข็งแรงได้อีกครั้ง

สรุป

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด รวมไปถึงการสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดและกันรังสียูวีได้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องผิวของเราจากการถูกทำร้ายจากแสงแดดและป้องกันไม่ให้ผิวเกิดอาการผิวไหม้เกรียมจากแสงแดดหรือที่เรียกว่า Sun burn แต่ถ้าผิวของเราถูกทำร้ายจนไหม้เกรียม หรือมีการอักเสบ แดง ปวดแสบปวดร้อนที่ผิวขึ้นแล้ว การดูแลผิวหลังออกแดด ควรเริ่มดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิว โดยเลือกใช้ครีมทาผิว คลีนเซอร์ที่มีความอ่อนโยนและไม่ทำร้ายชั้นปราการผิวที่อ่อนแอหลังออกแดด ส่วนการบำรุงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว เพื่อช่วยในการฟื้นบำรุงชั้นปราการผิวให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง

1.Damian et al, An action spectrum for ultraviolet radiation-induced immunosuppression in humans. Br J Dermatol, 2011, 164, pp657–659

2.Marionnet, C., et al., Diversity of biological effects induced by longwave UVA rays (UVA1) in reconstructed skin. PLoS One, 2014. 9(8): p. e105263

3.Dumbuya, Hawasatu et al. “ARTICLE: Efficacy of Ceramide-Containing Formulations on UV-Induced Skin Surface Barrier Alterations.” Journal of drugs in dermatology : JDD vol. 20,4 (2021): s29-s35. doi:10.36849/JDD.2021.589E

4.Sklar, L.R., et al., Effects of ultraviolet radiation, visible light, and infrared radiation on erythema and pigmentation: a review. Photochem Photobiol Sci, 2013. 12(1): p. 54-64

5.Choi MJ, Maibach HI. Role of ceramides in barrier function of healthy and diseased skin. Am J Clin Dermatol. 2005;6(4):215-223.

6.Huang H-C, Chang T-M, Ceramide 1 and ceramide 3 act synergistically on skin hydration and the transepidermal water loss of sodium lauryl sulfate-irritated skin, Int’l J of Dermatology, 2008, 47, 812–8193

7.Di Nardo, A., Ungino, K., et. al., Sodium lauryl sulfate (SLS) induced irritant contact dermatitis, Contact Dermatitis, 1996, 35, 86-91.