วิธีเลือกโฟมล้างหน้าให้เหมาะกับผิวสำหรับผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม

ผิวหน้าที่เรียบเนียน สวย ดูสุขภาพดี เป็นสิ่งที่ใครหลายคนปรารถนา เพราะทำให้เราเกิดความมั่นใจในตนเองเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากสภาพผิวหน้าของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้ง ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ดังนั้น การดูแลผิวหน้าด้วยการเลือกโฟมล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโฟมล้างหน้าเป็นขั้นตอนแรกในการดูแลผิว วันนี้มีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกโฟมล้างหน้า ให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ใครเหมาะกับโฟมล้างหน้าแบบไหน ตามมาศึกษากันได้ในบทความนี้

ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ต่างกันอย่างไร

สภาพผิวของเรานั้นมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปัจจัยทางด้านกรรมพันธุ์ และปัจจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต เหล่านี้ ส่งผลให้ปราการผิวของแต่ละคนมีสัดส่วนของไขมัน และ น้ำ ที่แตกต่างกัน

ผิวแห้ง

สำหรับคนที่มีผิวแห้ง จะมีการผลิตไขมันออกมาเคลือบคลุมผิว น้อยกว่าคนผิวธรรมดาหรือผิวผสม/ผิวมันอยู่แล้ว ต่อมไขมันก็ทำงานน้อยกว่า จึงมีปริมาณซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันที่เคลือบคลุมผิวน้อยกว่า รวมไปถึงปริมาณน้ำมันที่หล่อเลี้ยงผิว หรือ lipid barrier น้อยกว่าด้วย จึงทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอกว่า การยึดเกาะของเซลล์ผิวจึงน้อยกว่า อาจเกิดช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว และมีโอกาสที่เซลล์ผิวหนังจะหลุดลอกออกไปได้ง่ายกว่าคนที่มีสภาพผิวแบบอื่นด้วย ทำให้ลักษณะผิวด้านบน ดูแห้ง กร้าน ขาดความชุ่มชื้น บางครั้งลูบผิวไปก็รู้สึกไม่เรียบเนียน อีกทั้งสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ สามารถเข้าสู่ผิวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ คนที่มีผิวแห้งจึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

นอกจากนี้คนผิวแห้ง ยังอาจมีต้นกำเนิดมาจากการเผชิญกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มาทำร้ายชั้นปราการผิว เช่น การอาบน้ำอุ่น การอาบน้ำบ่อยเกินไปหรือนานเกินไป การออกแดดโดยไม่ได้ป้องกันผิว หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีการชะล้างน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวออกมากเกินไป ก็จะทำให้ ไขมันที่อยู่ในชั้นปราการผิวถูกทำลาย ส่งผลให้เซลล์ผิวยึดเกาะกันได้ไม่ดี จนเกิดเป็นปัญหา ผิวแห้ง ตึง ผิวลอกเป็นขุย ผิวจะบอบบาง มีแนวโน้มแพ้ง่าย

ผิวมัน

สำหรับผิวมัน จะเป็นผิวที่มีการทำงานของต่อมไขมันมากกว่าปกติ ทำให้มีการผลิต Sebum ออกมาเคลือมคลุมผิวมากเกินไป และถ้าเราทำความสะอาดผิวได้ไม่ดีพอ หรือ ปล่อยให้มีน้ำมันบนผิวมากเกินไป น้ำมันส่วนเกินเหล่านี้จะสามารถกลายไปเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ชื่อว่า C.Acne และทำให้เกิดปัญหาสิวในที่สุด ปกติชั้นปราการผิวของคนผิวมันจะแข็งแรงกว่าคนผิวแห้งอยู่แล้ว แต่ถ้าระดับของเซราไมด์ในผิวลดลง ก็จะทำให้ผิวมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้รุนแรงมากยิ่งขึ้นได้

ผิวผสม

คนผิวผสม จะมีลักษณะบริเวณ T-zone (คือ จมูก คาง และหน้าผาก) ที่ค่อนข้างมันเพราะมีปริมาณของต่อมไขมันเยอะ หรือมีการทำงานของต่อมไขมันเยอะ ในขณะที่ U-zone คือ บริเวณช่วงแก้ม จะมีความแห้ง หรืออาจจะเป็นผิวธรรมดาก็ได้ คนผิวผสมจึงมักมีปัญหาสิว ที่มักจะเกิดบริเวณหน้าผาก หรือคาง ในขณะที่ช่วงแก้ม อาจเจอปัญหาผิวแห้ง ตึง หรือระคายเคืองง่าย ก็เป็นการดูแลผิวที่ยากไปอีกแบบ

การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสำหรับผิวของเรา จึงมีความสำคัญมาก ๆ ไม่แพ้การเลือกครีมบำรุงผิวเลย... แล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแบบไหน ที่เหมาะกับเรามากที่สุด ใช้แล้วทำให้ผิวสุขภาพดี ไม่ทำให้หน้าแห้ง ลอก ตึงเอี๊ยด หรือมันจนเกินไป

เซราไมด์มีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อผิว

ความแข็งแรงของชั้นปราการผิวมีบทบาทสำคัญมาก ๆ ในคนที่มีปัญหาผิว เราจึงควรดูแล และทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี เพื่อให้ชั้นปราการผิวแข็งแรง มีสุขภาพดี สามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมภายนอกได้ และยังช่วยเพิ่มการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อีกด้วย

ชั้นปราการผิวประกอบไปด้วยเซลล์ผิวคอร์นีโอไซท์ และ ชั้นไขมันไลปิดไบเลเยอร์ที่เรียงตัวกัน เปรียบเสมือนกำแพงอิฐ (เซลล์ผิว) และ ปูน (ไขมัน) ที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ และไม่มีช่องว่างหรือรูโหว่ระหว่างเซลล์ผิว ซึ่งไขมันสำคัญในชั้นไลปิดไบเลเยอร์ ประกอบไปด้วย

  • เซราไมด์ 50%
  • คลอเลสเตอรอล 25%
  • และ แฟตตี้แอซิด 10-20%

cleansing-foam Cerave

การเติมเซราไมด์ กลับเข้าสู่ผิวตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิว จะช่วยทำให้ชั้นปราการผิวไม่ถูกทำลาย ในขณะเดียวกัน ก็จะช่วยบำรุงชั้นปราการผิวให้มีความแข็งแรงและสุขภาพดียิ่งขึ้น โดยที่ในคนผิวแห้ง ก็จะทำให้ผิวหน้าไม่แห้งตึง เนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่ขาดน้ำ และทำให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น ส่วนในคนที่มีผิวผสมและผิวมัน เซราไมด์จะช่วยทำให้ปราการผิวแข็งแรง และลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสภาพผิวที่บอบบางมีแนวโน้มแพ้ง่ายได้อีกด้วย

การเลือกโฟมล้างหน้าสำหรับตัวเราเอง ควรเลือกอย่างไร

โฟมล้างหน้าจากเซราวี ช่วยทำให้ผิวสุขภาพดีได้ เพราะเสริมปราการผิวให้แข็งแรงตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิว ด้วยส่วนผสมของ เซราไมด์ ช่วยฟื้นบำรุงชั้นไขมันไลปิดไบเลเยอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่พิเศษกว่าคลีนเซอร์ทั่วไป เพราะเซราวีมีส่วนผสมของเซราไมด์ที่จำเป็นต่อโครงสร้างผิว มากถึง 3 ชนิด คือ

cleansing-foam Cerave
  1. เซราไมด์ 1 : เสริมความแข็งแรงของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ผิว1
  2. เซราไมด์ 3 : ช่วยคงความชุ่มชื่นในระยะยาว2
  3. เซราไมด์ 6-II : เป็น Natural Moisturizing Factor หรือ สารที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวตามธรรมชาติ3

1. Choi MJ, Maibach HI. Role of ceramides in barrier function of healthy and diseased skin. Am J Clin Dermatol. 2005;6(4):215-223.

2. Huang H-C, Chang T-M, Ceramide 1 and ceramide 3 act synergistically on skin hydration and the transepidermal water loss of sodium lauryl sulfate-irritated skin, Int’l J of Dermatology, 2008, 47, 812–8193

3. Di Nardo, A., Ungino, K., et. al., Sodium lauryl sulfate (SLS) induced irritant contact dermatitis, Contact Dermatitis, 1996, 35, 86-91.

นอกจากจะมี เซราไมด์ 1,3,6-II แล้ว ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีก อาทิ

  • ค่า PH เหมาะสมกับสภาพผิว มีค่า pH หรือค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ในช่วงของผิวสุขภาพดี คือ 4.5-6.5 ซึ่งก็คือมีความเป็นกรดอ่อน ๆ (physiological pH)
  • ผิวหน้าไม่แห้งตึง ปราศจากสารสบู่ ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (soap-free) ใช้แล้ว หน้าจึงไม่แห้งตึง หรือมีความรู้สึกเอี๊ยด หรือไม่สบายผิว
  • ผิวหน้าชุ่มชื้น มีนวัตกรรมที่ช่วยควบคุมการปล่อยสารให้ความชุ่มชื้นสู่ผิวอย่างต่อเนื่อง เช่น MVE ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่นได้ยาวนานยิ่งขึ้น

4 สูตรคลีนเซอร์ยอดนิยม จาก เซราวี

คลีนเซอร์จากเซราวียังมีให้เลือกถึง 4 สูตร ให้เหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.สำหรับผิวแห้ง-แห้งมาก ผิวลอกเป็นขุย บอบบาง มีแนวโน้มแพ้ง่าย แนะนำ เซราวี ไฮเดรติ้ง คลีนเซอร์ เพราะเป็นสูตรไม่มีฟอง เพื่อลดโอกาสที่จะไปทำลายชั้นปราการผิว อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากสถาบัน NEA (National Eczema Association) อีกด้วย จึงทำให้คนที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง สามารถใช้ได้อย่างสบายใจ วิธีใช้คือ นวดเนื้อครีมบนผิวที่เปียกน้ำหมาด ๆ อย่างเบามือ อย่างน้อย 30-40 วินาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยหลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่น หรือ น้ำเย็นจัดในการล้างหน้า ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ สูตรนี้ หลังใช้จะรู้สึกได้เลยว่า มีฟิล์มของความชุ่มชื่นเคลือบคลุมผิวอยู่บาง ๆ ซึ่งจะให้ความรู้สึก นุ่ม และสบายผิวมาก ๆ

โฟมล้างหน้าผิวแห้ง-แห้งมาก เซราฟ

2.สำหรับผิวผสม-ผิวมัน จะมีน้ำมันที่เคลือบคลุมผิวอยู่มาก การทำความสะอาดที่ไม่ดีพอจะทำให้เสี่ยงที่จะเกิดการอุดตัน และก่อให้เกิดสิวได้ แนะนำให้ใช้ เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ ที่ทำงานด้วยสูตร Foaming Action ให้ฟองโฟม นุ่ม แต่ไม่ทำร้ายปราการผิว อีกทั้งเสริมเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิวทั้ง 3 ชนิด เพื่อให้ปราการผิวแข็งแรง และป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วย วิธีใช้คือ เทผลิตภัณฑ์ผสมกับน้ำ จนเกิดฟอง และลูบไล้บนใบหน้าที่เปียกหมาด ๆ 30-40 วินาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

โฟมล้างหน้าผิวผสม-ผิวมัน เซราฟ

3.คลีนเซอร์พิเศษ สำหรับสายเมคอัพ ที่ต้องลงเครื่องสำอางบนใบหน้าเป็นประจำ การเช็ดทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางออกไม่หมด จะทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการอุดตันเป็นสิวได้ แนะนำ เซราวี ไฮเดรติ้ง ครีม-ทู-โฟม คลีนเซอร์ สูตรนี้มีฟอง สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว เพราะสารทำความสะอาดเป็นสูตร Amino acid-based surfactant ที่สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางได้อย่างสะอาดหมดจด แต่ก็คงความอ่อนโยนต่อผิว และข้อดีคือ ช่วยลดการทำ double cleaning ที่จะทำให้ปราการผิวถูกทำลายมากขึ้น วิธีใช้คือ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวที่มีเมคอัพได้เลย วนเบา ๆ จนกระทั่งเห็นคราบเมคอัพละลายออกมา จากนั้นแตะน้ำเล็กน้อย มาผสม นวดต่อ เนื้อผลิตภัณฑ์จากครีม จะกลายเป็นโฟม ล้างหน้าต่อได้เลยในขั้นตอนเดียว โดยไม่จำเป็นต้องใช้โฟมล้างหน้ามาล้างซ้ำอีกครั้ง

โฟมล้างหน้าสำหรับสายเมคอัพ เซราฟ

4.สำหรับผิวที่ไม่เรียบเนียน หยาบกร้าน มีตุ่มขึ้น เช่น ขนคุด แนะนำ เซราวี เอสเอ สมูทติ้ง คลีนเซอร์ ที่มีส่วนผสมของ Salicylic acid และ PHA ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง หรือลอกเป็นขุย เพราะส่วนผสมของเซราไมด์ทั้ง 3 ชนิดและไฮยาลูรอน จะช่วยรักษาปราการผิวให้แข็งแรง สูตรนี้สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้า ที่มีปัญหาสิวผด และกับลำตัวที่ไม่เรียบเนียน เช่นคนที่มีขนคุดบริเวณต้นแขนหรือสิวขึ้นที่แผ่นหลัง วิธีใช้ แนะนำให้ ผสมคลีนเซอร์กับน้ำ จนเกิดฟอง แล้วฟอกทิ้งไว้ 1-2 นาที เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการจัดการกับปัญหาผิวไม่เรียบเนียน

สรุป

การดูแลผิวให้สุขภาพดี แข็งแรง เนียนนุ่มชุ่มชื่น ควรเริ่มดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการล้างหน้า โดยเลือกผลิตภัณฑ์คลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเราเอง นอกจากนี้แพทย์ผิวหนังยังแนะนำอีกด้วยว่า ไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไป ปกติคือวันละ 2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว และไม่ควรใช้น้ำที่เย็นจัดหรือร้อนไปในการล้างหน้า นอกจากนี้ หลังล้างหน้าควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เพื่อคงความชุ่มชื่นและสุขภาพดีไปอีกนาน สุดท้ายคือ ถ้าจะต้องออกกลางแจ้ง อย่าลืมทาผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูงเพียงพอ เพื่อปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสี UV อีกด้วย แค่นี้ คุณก็จะมีผิวที่สวย สดใส สุขภาพดีไปอีกนาน