แนะนำ tips ดูแลผิวในยามอากาศชื้นช่วงหน้าฝน ที่ทำให้เกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง และผื่นขึ้นหน้า
บางคนอาจจะคิดว่า ปัญหาผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือผื่นขึ้นหน้า มักจะมากับช่วงอากาศร้อน เวลาที่เราเหงื่อออก หรือช่วงหน้าหนาว เวลาที่อากาศแห้งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว ความชื้นของอากาศมีผลต่อสภาพผิวของเราอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็นคนที่มีผิวบอบบาง หรือคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอยู่แล้วด้วย ยิ่งมีโอกาสเกิดปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น บทความนี้เราจะมารู้จักวิธีดูแลผิวเมื่ออากาศเปลี่ยนกัน
ผื่นขึ้นหน้า หรือ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มีอาการอย่างไร และทำไมถึงเป็น?
ผื่นขึ้นหน้า หรือ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือถ้าชื่อทางการแพทย์คือ Atopic dermatitis คือโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่มีการอักเสบของผิวหนังแบบเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งจะพบได้ในทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยอาการคือ มักจะมีผื่นขึ้น บางคนลักษณะผื่นจะหนา มีความแห้ง ลอก เป็นขุยร่วมด้วย และที่สำคัญคือจะมีอาการคันตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งผิวหน้า เช่น ระหว่างคิ้ว ซอกจมูก บริเวณไรผม รวมไปถึงรอบคอ และผิวตัว เช่น ช่วงข้อพับต่าง ๆ ข้อพับแขน ข้อพับขา หลังแขน ขา ซึ่งบางคนพอรู้สึกคัน ก็มักจะเกา ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลเปิด ส่งผลให้เกิดปัญหาติดเชื้อแบคทีเรียและเกิดการอักเสบตามมาได้
สาเหตุของผื่นขึ้นขึ้นหน้า
สาเหตุของผื่นขึ้นหน้า หรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ และมีปัจจัยเรื่องไลฟ์สไตล์เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่น พฤติกรรมในการอาบน้ำที่ไม่ถูกต้อง เช่น อาบน้ำนานไป อาบน้ำร้อนมากเกินไป หรือใช้คลีนเซอร์ที่ทำให้ชั้นปราการผิวถูกทำลาย ซึ่งพอชั้นปราการผิวอ่อนแอ ก็จะทำให้สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าไปกระตุ้นให้เกิดผื่นขึ้นหน้า หรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้
ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดผื่นขึ้นหน้า
ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดผื่นขึ้นหน้า หรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมีได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น
- การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น ร้อนจัด ทำให้เหงื่อออก หนาวจัด หรืออากาศแห้ง เช่นคนที่อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ หรือความชื้นของอากาศที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูฝน หรือแม้แต่กระทั่งความสะอาดของน้ำฝน ซึ่งมักจะผ่านชั้นบรรยากาศที่มีมลพิษทางอากาศก่อนที่จะตกกระทบมาที่ผิวของเรานั่นเอง โดยปกติค่า pH ของน้ำฝนปกติจะอยู่ที่ 5.6 แต่ถ้าเป็นน้ำฝนที่ผ่านชั้นบรรยากาศและมลพิษต่าง ๆ มาอาจจะมีค่า pH ลดต่ำลงเหลือ 4 ซึ่ง เรียกว่าฝนกรดนั่นเอง และเมื่อฝนกรดสัมผัสกับผิวเราจะส่งผลต่อชั้นปราการผิว และทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น ฝุ่น ฝุ่น PM2.5 ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือละอองเกสรดอกไม้
- สารก่อการระคายเคืองต่าง ๆ เช่น สารสบู่ ผงซักฟอก หรือน้ำยาล้างจาน สังเกตได้จากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมักจะทำให้ผิวรู้สึกแห้งตึง เนื่องจากเซราไมด์ที่อยู่ในชั้นปราการผิวจะถูกทำลายไป นอกจากนี้ ส่วนผสมต่าง ๆในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ ก็อาจส่งผลต่อผิวได้ เช่น น้ำหอม หรือสารกันเสียอย่างเช่น สารกันเสียกลุ่มพาราเบน
- เสื้อผ้าเนื้อหยาบที่อาจทำให้เกิดการเสียดสีหรือระคายเคืองผิว หรือการใส่เสื้อผ้าที่อบ ร้อน หรือระบายอากาศไม่ดี ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าฝน ก็จะยิ่งส่งผลให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย
- แม้แต่อาหารบางชนิดก็เป็นตัวกระตุ้นในบางคนได้ เช่น อาหารที่มาจากนมวัว (นม เนย ชีส) หรืออาหารที่มาจากข้าวสาลี
ดังนั้น เคล็ดลับง่าย ๆ ก็คือควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นดังกล่าว นอกจากนี้การดูแลชั้นปราการผิวให้แข็งแรงก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้โครงสร้างผิวของเราแข็งแรง และช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าผิวได้ง่ายอีกด้วย
Tips ในการดูแลผิวช่วงหน้าฝน หรือช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
ช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง การดูแลผิวเป็นสิ่งที่สำคัญมากในคนที่ผิวบอบบาง หรือคนที่มีประวัติเกิดผื่นขึ้นหน้า หรือเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ง่ายอยู่แล้ว โดย Tips ในการดูแลผิวมีดังนี้
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น ความชื้นของอากาศที่มากเกินไปในช่วงหน้าฝน และถ้าหากเรามีสภาพผิวที่แพ้ง่ายอยู่แล้วด้วย ควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำฝน เพราะน้ำฝนในบางพื้นที่อาจจะไม่สะอาดและมีสารก่อการระคายเคืองหรือสารมลพิษจากชั้นบรรยากาศปนมาด้วย (บางคนอาจเคยสังเกตว่า เมื่อผิวสัมผัสกับน้ำฝนแล้ว อาจมีอาการคันผิวตามมาได้)
- หลังจากตากฝนมาควรรีบอาบน้ำทำความสะอาดผิว เพื่อชำระล้างความสกปรกหรือสารแปลกปลอมที่ปนมากับน้ำฝน โดยควรที่จะเลือกคลีนเซอร์ ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวรู้สึกแห้งตึงหลังอาบน้ำ หรือล้างหน้า (ปราศจากสารสบู่) นอกจากนี้ไม่ควรอาบน้ำนานจนเกินไป โดยแพทย์ผิวหนังแนะนำระยะเวลาที่เหมาะสมอยู่ที่ 5-10 นาที
- หลังอาบน้ำ ซับตัวให้แห้งแล้วรีบใช้ครีมทาผิวภายใน 3 นาที เพื่อล็อคความชุ่มชื้นไว้ที่ผิว โดยครีมทาผิวควรมีส่วนผสมที่จะช่วยทำให้ปราการผิวแข็งแรง อย่างเช่น เซราไมด์ ชนิดที่จำเป็นต่อผิว
- สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย เนื้อไม่หยาบ เพื่อลดการเสียดสีที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมไปถึง ถ้ามีความเสี่ยงที่จะต้องเปียกฝน ควรเลือกเนื้อผ้าที่ไม่อุ้มน้ำ ไม่หนาไม่หนัก และแห้งไว รวมไปถึงระบายความชื้นได้ดี
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงการบริหารจัดการความเครียดต่าง ๆ เพื่อให้สุขภาพผิวดี
ใช้คลีนเซอร์ที่สบายผิว
สำหรับการดูแลผิว ในช่วงหน้าฝนซึ่งมีความชื้นในอากาศสูงอยู่แล้ว จึงควรใช้คลีนเซอร์ที่ใช้แล้วสบายผิว ไม่หนักผิว อาทิ เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในช่วงที่ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังยังไม่กำเริบ (ช่วงที่โรคกำลังสงบอยู่) แต่ถ้าเป็นช่วงที่ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบแล้ว กำลังเห่ออยู่ มีอาการ คัน ระคายเคือง แห้ง ลอกเป็นขุย แนะนำคลีนเซอร์เป็น เซราวี ไฮเดรติ้ง คลีนเซอร์ จะเหมาะสมมากกว่า เพราะเป็นสูตรไม่มีฟอง เพื่อลดโอกาสที่จะไปทำลายชั้นปราการผิว อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากสถาบัน NEA (National Eczema Association) อีกด้วย จึงมั่นใจได้ในความอ่อนโยน
ทาโลชั่นหรือครีมเพื่อเสริมสร้างผิวแข็งแรง
สำหรับผิวกายแนะนำ เซราวี มอยส์เจอร์ไรซิ่ง โลชั่น สามารถทาได้เป็นประจำเพื่อคงสภาพความแข็งแรงของชั้นปราการผิวเอาไว้ เนื้อโลชั่นจะเบาสบายผิว ซึมซาบไว เหมาะกับช่วงที่มีสภาพอากาศชื้นอย่างเช่นหน้าฝน
และสำหรับผิวหน้า ครีมทาผิว ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะใบหน้า เนื้อสัมผัสครีมเจลเบาสบายผิวเหมาะกับสภาพอากาศชื้น ๆ ของหน้าฝน ต้องยกให้กับ เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM) ที่มาพร้อมกับ 4% ไนอะซินาไมด์ ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้เป็นอย่างดี
ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเซราวี มีค่า pH Balance เหมาะกับผิวสุขภาพดี อีกทั้งปราศจากปัจจัยที่จะทำให้เกิดการระคายเคือง เพราะเป็นสูตร Hypoallergenic ปราศจากน้ำหอม, สารแต่งสี และ สารกันเสียพาราเบน
สรุป
ช่วงหน้าฝน อากาศชื้น คนที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดผื่นขึ้นหน้า หรือ ปัญหาผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ควรดูแลผิวเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่จะทำให้เกิดผื่นขึ้นหน้าดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น รวมไปถึงปรับพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ในการอาบน้ำและบำรุงผิวให้ถูกต้อง นอกจากนี้การดูแลสภาพผิวให้ชั้นปราการผิวแข็งแรงอยู่เสมอด้วยครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิวทั้ง 3 ชนิด ย่อมทำให้ชั้นโครงสร้างผิวแข็งแรง และพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งแปลกปลอมหรือสารระคายเคืองต่าง ๆ ที่จะเข้าสู่ชั้นผิวได้เป็นอย่างดี