ใช้ยาสิวแล้วหน้าพัง เกิดอาการหน้าแห้ง หน้าลอก ทำอย่างไรดี?

เรื่องสิว ๆ แต่คงจะไม่สิวสำหรับหลาย ๆ คน เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างพื้นฐานผิวที่แตกต่างกัน ความมันส่วนเกินบนใบหน้าของแต่ละคนก็มีไม่เท่ากันด้วย บางคนแทบจะไม่เป็นสิวเลย ในขณะที่บางคน นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เป็นสิวแล้ว เพราะผิวแต่ละคนมีความไวต่อปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เท่ากันนั่นเอง ทำให้บางคนอาจจะไม่เคยใช้ยารักษาสิวเลย แต่สำหรับคนที่เคยใช้ยารักษาสิวกันมาอย่างเชี่ยวชาญแล้ว รู้จักทุกยี่ห้อ ทุกรูปแบบ ลองมาหมดทุกอย่าง เชื่อได้เลยว่าต้องเคยเจอกับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิวแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น หน้าแห้ง หน้าลอก หรือบางคนอาจเจอการแพ้ระคายเคืองอย่างหนัก จนมีผื่นขึ้นหน้าเลยก็เป็นไปได้

ใช้ยาสิวแล้วหน้าพัง เกิดอาการหน้าแห้ง หน้าลอก ทำอย่างไรดี?

เรื่องสิว ๆ แต่คงจะไม่สิวสำหรับหลาย ๆ คน เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างพื้นฐานผิวที่แตกต่างกัน ความมันส่วนเกินบนใบหน้าของแต่ละคนก็มีไม่เท่ากันด้วย บางคนแทบจะไม่เป็นสิวเลย ในขณะที่บางคน นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เป็นสิวแล้ว เพราะผิวแต่ละคนมีความไวต่อปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เท่ากันนั่นเอง ทำให้บางคนอาจจะไม่เคยใช้ยารักษาสิวเลย แต่สำหรับคนที่เคยใช้ยารักษาสิวกันมาอย่างเชี่ยวชาญแล้ว รู้จักทุกยี่ห้อ ทุกรูปแบบ ลองมาหมดทุกอย่าง เชื่อได้เลยว่าต้องเคยเจอกับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิวแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น หน้าแห้ง หน้าลอก หรือบางคนอาจเจอการแพ้ระคายเคืองอย่างหนัก จนมีผื่นขึ้นหน้าเลยก็เป็นไปได้

หน้าลอก เซราฟ

ยารักษาสิวมีผลดีและผลเสียอย่างไรบ้าง

ปัจจัยของการเกิดสิว

ปกติการเกิดสิวมาจาก 4 ปัจจัยดังนี้

  • การผลิตน้ำมันส่วนเกิน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากทั้งปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน อาหารการกิน สภาพอากาศ เช่น อากาศร้อน ล้วนทำให้เกิดปัญหาหน้ามันได้ทั้งนั้น
  • การแบ่งเซลล์ผิวที่มากกว่าปกติ ทำให้เกิดปัญหาการอุดตันของรูขุมขนเกิดขึ้น หรือเกิดสิวอุดตันที่เรียกว่า โคมีโดน
  • การเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ C.acnes ที่ใช้น้ำมันส่วนเกิน และผลิตสารก่อการอักเสบขึ้นมา
  • การอักเสบที่เพิ่มมากขึ้น จากสารก่อการอักเสบที่ผลิตขึ้นมาในข้อ 3 ประกอบกับการติดเชื้อแทรกซ้อนจากแบคทีเรียตัวร้าย เช่นกลุ่ม Staphylococcus

ดังนั้นยารักษาสิวส่วนใหญ่จึงมุ่งเน้นทำงานตามสาเหตุข้างต้น เช่น ลดความมันบนใบหน้า, ทำให้หน้าแห้ง, ลดการอุดตันของรูขุมขน (โดยการใช้สารกลุ่มที่มีการผลัดเซลล์ผิว), ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบ เมื่อแก้ปัญหาตามสาเหตุต่าง ๆ ข้างต้นแล้วก็จะทำให้สิวยุบตัวลง และเกิดน้อยลงนั่นเอง

ข้อดี - ข้อเสีย ของยารักษาสิว

ยารักษาสิวที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงเป็นกลุ่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว สลายสิ่งอุดตันและช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อาทิ Benzoyl Peroxide หรือ Tretinoin หรือสารกลุ่มกรดไวตามินเอ เช่น adapalene รวมไปถึงยาฆ่าเชื้อเช่น Clindamycin ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยใช้มาแล้วแน่นอน

  • ข้อดี

ยาเหล่านี้สามารถรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิวหายเร็ว โดยมักจะทาในเวลากลางคืน สามารถทาทิ้งไว้ได้ทั้งคืน หรือหากมีการระคายเคืองเกิดขึ้นรุนแรงมาก แพทย์ผิวหนังมักจะแนะนำให้ทาทิ้งไว้ 5-15 นาทีแล้วล้างออก

  • ข้อเสีย

จุดอ่อนของยารักษาสิวนั้น คนที่เคยใช้ยาเหล่านี้มักจะเคยเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาแน่นอน บางคนก็มีปัญหาผิวลอก ผิวแห้ง หรือเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นขึ้นหน้าก็มี เลยทำให้ต้องหยุดใช้ยารักษาสิวไปโดยปริยาย ซึ่งการใช้ยารักษาสิวที่ไม่ต่อเนื่องย่อมทำให้ปัญหาสิวหายช้าลงนั่นเองครับ

ชั้นปราการผิวและเซราไมด์มีบทบาทอย่างไรต่อสิวและการใช้ยารักษาสิว

  • เซราไมด์ช่วยเสริมความแข็งแรงชั้นปราการผิว

เซราไมด์เป็นสารที่มีอยู่แล้วในผิวตามธรรมชาติ และมีความจำเป็นต่อความแข็งแรงของชั้นปราการผิว อีกทั้งมีคุณสมบัติเป็น emollient ที่ช่วยทำให้ผิวมีความนุ่มมากยิ่งขึ้น ช่วยกักเก็บน้ำเอาไว้ในผิวโดยป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกไปจากผิวได้ง่าย เมื่อเซราไมด์อยู่ในระดับที่สมดุลย่อมทำให้ปราการผิวแข็งแรง ช่วยปกป้องผิวจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ หรือสารก่อการระคายเคืองที่จะเข้ามาทำร้ายผิวเราได้

  • ระดับเซราไมด์ที่ลดลงทำให้สิวรุนแรง

มีงานวิจัยพบอีกว่า ระดับเซราไมด์ในผิวที่ลดลง มีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของสิวที่มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คนที่เป็นสิวนิดหน่อยมักจะมีระดับเซราไมด์เฉลี่ยในผิวสูง ส่วนคนที่เป็นสิวรุนแรงสิวอักเสบเม็ดใหญ่ มักจะมีระดับเซราไมด์เฉลี่ยในผิวต่ำ ดังนั้นการที่เรารักษาสมดุลของระดับเซราไมด์ในผิวจึงช่วยเสริมปราการผิวให้แข็งแรงและช่วยลดความรุนแรงของสิวที่เกิดขึ้นได้ด้วย

และอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ว่ายารักษาสิวส่วนมาก ไปเน้นการผลัดลอกเซลล์ผิว ลดสิ่งอุดตันต่าง ๆ ซึ่งเป็นการทำร้ายปราการผิวนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเวลาที่เราใช้ยารักษาสิวไปเรื่อย ๆ ผิวของเราจึงเริ่มมีปัญหาผิวแห้ง หน้าลอกเป็นขุยตามมา

คำแนะนำจาก แพทย์ผิวหนัง

แพทย์ผิวหนังจึงมักจะแนะนำให้ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ หรือครีมทาผิว ที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิว และมีคุณสมบัติ non-comedogenic (หรือไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนร่วมด้วย) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาสิวสามารถใช้ยาได้อย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่สูงที่สุด

การเลือกครีมทาผิว และคลีนเซอร์ สำหรับคนที่จะใช้ยารักษาสิวร่วมด้วย

สำหรับเซราวี ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่แพทย์ผิวหนังในสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ใช้เป็นอันดับหนึ่ง ขอแนะนำ 2 ผลิตภัณฑ์ ที่สามารถใช้คู่กับยารักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ การันตีความมั่นใจด้วยบทพิสูจน์ทางการแพทย์1 กับการเสริมชั้นปราการผิวให้แข็งแรง จึงใช้ยารักษาสิวได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งช่วยเสริมประสิทธิภาพของยารักษาสิวอีกด้วย สิวจึงหายเร็วขึ้นกว่าการใช้ยาเพียงอย่างเดียว ซึ่งคุณสมบัตินี้เราเรียกว่า Adjunctive Therapy… โดยที่ 2 ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำให้ใช้ก็คือ

1.เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ ทำความสะอาดได้อย่างสะอาดหมดจด ฟองโฟมนุ่ม ทำความสะอาดได้ลำลึก เหมาะสำหรับผิวผสม-ผิวมัน และยังมีงานวิจัยด้วยว่า สามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวได้อย่างปลอดภัย1 นั่นเป็นเพราะว่า โฟมมิ่งคลีนเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวอยู่เลย จึงไม่ไปเสริมกันกับฤทธิ์ของยา เมื่อใช้ควบคู่กับยารักษาสิวแล้วจึงมั่นใจได้ว่าหน้าไม่แห้งตึง ไม่ลอกเป็นขุยแน่นอน อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังได้รับการรับรองจากสมาคมแพทย์ผิวหนัง NEA จากประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย จึงยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับคนที่มีผิวบอบบางมีแนวโน้มระคายเคืองง่าย อีกทั้งปราศจากสารแต่งสี น้ำหอม สารกันเสียพาราเบน เรียกได้ว่าเป็น Ideal cleanser สำหรับคนที่มีปัญหาสิว และคนที่จะต้องใช้ยารักษาสิวไปพร้อม ๆ กันด้วยครับ

เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ เซราฟ

2.เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM) ไม่ใช่แค่มอยซ์เจอไรเซอร์ธรรมดา ๆ แต่เป็นเทคโนโลยีในการออกแบบให้มีเนื้อสัมผัสแบบเจลครีม เบาสบายผิว ซึมซาบเข้าสู่ผิวเร็วเป็นพิเศษ พร้อมนวัตกรรม MVE ลิขสิทธิ์เฉพาะของเซราวี2 ที่ช่วยนำส่งสารสำคัญเข้าสู่ชั้นผิวอย่างต่อเนื่อง (time-release) จึงให้ผิวชุ่มชื่นได้ยาวนาน โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือไม่สบายผิวเลย ซึ่งในสูตรนี้จะมีส่วนผสมพิเศษ คือ 4% ไนอาซินาไมด์ ที่มีส่วนช่วยในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบในคนที่มีปัญหาสิวได้เป็นอย่างดี ต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยการลดรอยสิวได้ด้วย และเช่นเดียวกันครับ สูตรนี้ยังมีการวิจัยเช่นเดียวกันว่าสามารถใช้คู่กับยารักษาสิว1 เพื่อเสริมการทำงานของยารักษาสิว สิวจึงหายได้เร็วยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้ยาเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังลดผลข้างเคียงเช่น แห้ง ลอก แสบ แดง จากการใช้ยารักษาสิวได้อีกด้วย1

เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM) เซราฟ

นั่นเป็นเพราะว่า ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของเซราวี ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยเสริมชั้นปราการผิวให้แข็งแรง อาทิ

ครีมทาผิว เซราวี เซราฟ

  1. เซราไมด์ 1 : เสริมความแข็งแรงของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ผิว3
  2. เซราไมด์ 3 : ช่วยคงความชุ่มชื่นในระยะยาว4
  3. เซราไมด์ 6-II : เป็น Natural Moisturizing Factor หรือ สารที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวตามธรรมชาติ5

อีกทั้ง Phytosphingosine, Cholesterol, Fatty acid และ Hyaluronic acid จึงมั่นใจได้ว่าผิวของคุณจะได้รับการดูแล ให้กลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ปราการผิวแข็งแรง ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้ มีเนื้อสัมผัสที่เบาสบายผิว ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) อีกทั้งปราศจากปัจจัยที่จะทำให้เกิดการระคายเคือง เพราะ ปราศจากน้ำหอม, สารแต่งสี และ สารกันเสียพาราเบน คนที่มีผิวบอบบางมีแนวโน้มระคายเคืองง่ายจึงมั่นใจในความปลอดภัย ส่วนคนที่จะต้องใช้ยารักษาสิว ก็มั่นใจได้ว่าปราการผิวจะแข็งแรง และพร้อมที่จะรับมือกับการใช้ยารักษาสิวได้อีกด้วย และเมื่อเราใช้ยารักษาสิวได้อย่างต่อเนื่อง สิวก็จะหายเร็วขึ้น ผิวกลับมาดูสดใส ไร้สิวอีกครั้งครับ

สรุป

เพราะการใช้ยารักษาสิวที่ไม่ต่อเนื่องทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาสิวนั้นลดลง ซึ่งส่วนมากมักเกิดจากเราไม่สามารถที่จะทนผลข้างเคียงจากยากรักษาสิวได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าแห้ง ผิวลอกเป็นขุย หรืออาการระคายเคืองต่าง ๆ แพทย์ผิวหนังจึงมักแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเสริมให้ปราการผิวแข็งแรงร่วมด้วย และช่วยทำให้สามารถใช้ยารักษาสิวได้อย่างต่อเนื่อง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ยารักษาสิว อีกทั้งปราการผิวที่แข็งแรงก็ช่วยลดโอกาสที่สิวจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย

1.Protocol: A 12-week, single center, randomized, double-blind clinical study was conducted on 91 women and men, ages 13 - 40. Subjects were prescribed Adapalene (0.3%)/Benzoyl Peroxide(2.5%) Gel. The adjunctive treatment cell used Foaming Cleanser and PM Facial Moisturising Lotion.

2.US Patent 6,709,663

3.Choi MJ, Maibach HI. Role of ceramides in barrier function of healthy and diseased skin. Am J Clin Dermatol. 2005;6(4):215-223.

4.Huang H-C, Chang T-M, Ceramide 1 and ceramide 3 act synergistically on skin hydration and the transepidermal water loss of sodium lauryl sulfate-irritated skin, Int’l J of Dermatology, 2008, 47, 812–8193

5.Di Nardo, A., Ungino, K., et. al., Sodium lauryl sulfate (SLS) induced irritant contact dermatitis, Contact Dermatitis, 1996, 35, 86-91.