วิธีกู้ปัญหาผิวแห้ง ผิวลอก ผื่นขึ้นหน้า หน้าลอก แบบง่าย ๆ
ปัญหาผิวแห้ง ผิวลอก หน้าลอก บางคนก็มีผื่นขึ้นหน้าด้วย คงเป็นปัญหาผิวที่หลาย ๆ คนเคยเป็นกัน หรือตอนนี้ก็อาจจะเป็นอยู่ก็ได้ ทำไมปัญหาผิวเหล่านี้ถึงกลายเป็นสิ่งที่พบเจอได้ง่ายขึ้นในยุคปัจจุบัน เมื่อก่อนทำไมไม่เคยแพ้ง่าย แต่เดี๋ยวนี้ผิวกลับแพ้ง่ายและอ่อนแอ ตามมาอ่านกันได้เลย
ปราการผิวคืออะไร สำคัญอย่างไร?
ชั้นปราการผิวมีความสำคัญ ต่อร่างกายของเราหลายอย่าง อาทิ ปกป้องร่างกายของเราจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ฝุ่น ควัน มลภาวะ เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรค รวมไปถึง สารเคมี สารก่อการระคายเคือง สารก่อภูมิแพ้ และในขณะเดียวกัน ชั้นปราการผิวก็ยังช่วยป้องกันการระเหยของน้ำและความชุ่มชื้นออกจากผิวได้อีกด้วย
ดังนั้นปราการผิวที่แข็งแรง จะทำให้ผิวมีสุขภาพดี เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่บอบบางและแพ้ง่าย แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าชั้นปราการผิวอ่อนแอ ก็จะทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมามากมาย ทั้งผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้จะเข้าผิวได้ง่าย และไปกระตุ้นปฏิกิริยาภูมิแพ้ของร่างกายจนทำให้เป็นปัญหาผื่นขึ้นหน้าได้
ซึ่งปัจจุบันนี้ ผิวของคนเราแพ้ง่ายมากยิ่งขึ้น เซนซิทีฟ ต่อสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น บางคนอาจเคยสังเกตว่า เมื่อก่อนก็ใช้ครีมได้หมดทุกชนิด ทำไมอยู่มาวันดีคืนดี ครีมหรือโลชั่นที่เคยใช้ได้ ก็กลับมามีปัญหา ใช้แล้วผื่นขึ้นหน้าเฉยเลย… ถ้าใครหลายคนเคยเจอปัญหาแบบนี้ บอกได้เลยว่า เกิดจากการที่ปราการผิวของเราอ่อนแอลงนั้นเอง
ปัจจัยทำร้ายปราการผิว
ซึ่งปัจจัยที่ทำร้ายปราการผิวมีอยู่หลายอย่าง ดังนี้
ปัจจัยภายนอก
เช่น รังสียูวี ซึ่งเป็นตัวการสำคัญเลยที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ และทำให้เซราไมด์ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของชั้นปราการผิวถูกทำลายไป นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของสภาพอาการก็มีผล เช่น อากาศที่แห้งไป (ยกตัวอย่างเช่น คนที่อยู่ในห้องปรับอากาศเป็นประจำ) ก็จะทำให้ มีการระเหยของน้ำออกจากผิวมากกว่าปกติ
ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์
เช่น การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงจนเกินไป ทำให้เซราไมด์ในผิว ถูกทำลายได้เร็วยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ มีความเป็นด่าง หรือมีสารสบู่ ที่เวลาอาบเสร็จหรือล้างหน้าเสร็จแล้วให้ความรู้สึกตึงผิว แบบนั้นก็คือชั้นปราการผิวถูกทำลาย ดังนั้นจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ใช้แล้วไม่แห้งตึงหลังล้างออก อีกทั้งต้องไม่ทำให้เกิดความรู้สึกลื่นเกินไปหลังอาบ นอกจากนี้ การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมทั้ง ความเครียดสะสม เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เซราไมด์ในผิวลดลง
อายุและกรรมพันธุ์
เมื่ออายุเราเพิ่มขึ้น การสร้างเซราไมด์ที่ผิวจะลดน้อยลง จึงทำให้หลาย ๆ คน เพิ่งจะมามีปัญหาผิวแห้ง ผิวลอก ผิวบอบบางแพ้ง่าย ตอนอายุมากแล้วนี่เอง
เซราไมด์ช่วยกู้ผิวแห้ง ผิวลอก หน้าลอกเป็นขุย ได้อย่างไร
มีงานวิจัยหลายชิ้นเลยที่แสดงให้เห็นแล้วว่า ปัญหาผิวหนังต่าง ๆ ไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย หรือ ผิวที่มีปัญหาผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะมีระดับของเซราไมด์ในชั้นผิวที่ลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเซราไมด์ชนิดที่ 1 และ ชนิดที่ 3 โดยเซราไมด์ชนิดที่ 1 ปกติแล้วจะทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบหลักของชั้นปราการผิว และเซราไมด์ชนิดที่ 3 จะทำหน้าที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ที่ผิวได้ยาวนานยิ่งขึ้น ดังนั้นแน่นอนเลยว่า การเติมเซราไมด์กลับเข้าสู่ผิว ย่อมช่วยทำให้ปราการผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดีได้ เพราะ ชั้นปราการผิวมีเซราไมด์เป็นองค์ประกอบสูงถึง 50% นั่นเอง
เมื่อเราเติมเซราไมด์กลับเข้าผิว จะช่วยทำให้เติมเต็มช่องว่าระหว่างเซลล์ผิว ไม่ให้มีช่องว่าง จึงช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าผิวได้ จึงช่วยลดปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยลดการระเหยของน้ำออกจากผิว (หรือที่เรียกว่า Transepidermal water loss: TEWL) จึงช่วยลด/บรรเทาอาการผิวแห้งได้ด้วย ซึ่งการเติมเซราไมด์เข้าผิวควรเติมเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิวให้ครบทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เซราไมด์ 1,3,6-II การเติมเซราไมด์ทั้ง 3 ชนิดนี้กลับเข้าสู่ผิว จะช่วยดูแลชั้นปราการผิวให้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีได้อีกครั้ง โดยควรเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวเลยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การเลือกครีมทาผิว และคลีนเซอร์ เพื่อดูแลปัญหาผิวแห้ง ผิวลอก
การเลือกใช้คลีนเซอร์และครีมทาผิว มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย หรือคนที่มีผื่นขึ้นหน้า โดยสำหรับคลีนเซอร์นั้น แนะนำ เซราวี ไฮเดรติ้ง คลีนเซอร์ เพราะเป็นสูตรไม่มีฟอง เพื่อลดโอกาสที่จะไปทำลายชั้นปราการผิว อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากสถาบัน NEA (National Eczema Association) อีกด้วย จึงมั่นใจได้ในความอ่อนโยน ว่าแม้ผู้ที่มีปราการผิวถูกทำร้ายก็สามารถใช้ได้อย่างสบายใจ และควรระมัดระวังอย่าใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนล้างหน้าหรืออาบน้ำ ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ หลังใช้จะรู้สึกได้เลยว่า มีฟิล์มของความชุ่มชื่นเคลือบคลุมผิวอยู่บาง ๆ ซึ่งจะให้ความรู้สึก นุ่ม และสบายผิวมาก ๆ (สำหรับผู้ที่มีผิวมัน แต่ว่าขาดน้ำ มีความกร้าน และไม่เรียบเนียน อาจใช้ เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ แทนได้)
ครีมทาผิวสำหรับผิวกาย
หลังจากล้างหน้าหรืออาบน้ำเสร็จแล้ว หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินเคล็ดลับหรือเทคนิคที่เรียกว่า 3-minutes rules กัน ซึ่งก็หมายความว่า หลังจากอาบน้ำ เช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ภายใน 3 นาที เราควรทาครีมบำรุงผิวเลย เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานของครีมหรือโลชั่น ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นที่มาจากการอาบน้ำเอาไว้ได้ดีที่สุด ซึ่งสำหรับผิวกายแนะนำ เซราวี มอยส์เจอร์ไรซิ่ง โลชั่น หรือ มอยส์เจอร์ไรซิ่ง ครีม ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบและระดับความแห้งลอกของผิว ยกตัวอย่างเช่น
- สูตรโลชั่น จะมีเนื้อสัมผัสที่เบาสบายผิวมากกว่าเหมาะสำหรับผิวที่ไม่ได้แห้งมาก หรือยังไม่ได้ลอกเป็นขุยมาก รวมไปถึงคนที่มีไลฟ์สไตล์อยู่เอาท์ดอร์มากกว่า
- สูตรครีม จะเป็นสูตรเข้มข้นที่มีคุณสมบัติในการเคลือบคลุมผิวมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งจนกระทั่งลอกเป็นขุย หรือผิวที่มีความแห้งและไม่เรียบเนียนมากกว่าปกติ หรือผิวที่เริ่มมีผื่นขึ้นแล้ว รวมไปถึงคนที่อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ก็ควรที่จะใช้สูตรครีม
ครีมทาผิวสำหรับผิวหน้า
สำหรับผิวหน้า แนะนำ เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM) ซึ่งในสูตรนี้จะมีส่วนผสมพิเศษ คือ 4% ไนอาซินาไมด์ ที่มีส่วนช่วยในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบของผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงเหมาะที่จะดูแลผิวหน้าที่ขาดความชุ่มชื้น แห้ง กร้าน ลอกเป็นขุย อีกทั้งไนอาซินาไมด์ยังมีคุณสมบัติช่วยลดความหมองคล้ำได้อีกด้วย
ส่วนผสมผลิตภัณฑ์
- เซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว
- เทคโนโลยี MVE ผลิตภัณฑ์ของ เซราวี ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี MVE ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเซราวี ที่จะช่วยควบคุมการปลดปล่อยสารสำคัญต่าง ๆ ข้างต้น ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่องยาวนาน 24 ชั่วโมง (time-release)
- สูตร Hypoallergenicในด้านของความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ของเซราวีใช้ได้กับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวที่บอบบาง และแพ้ง่าย เพราะเป็นสูตร Hypoallergenic และยังปราศจากน้ำหอม สารแต่งสี สารกันเสียพาราเบนอีกด้วย ทุกสูตรไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (non-comedogenic) สำหรับคนที่ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย ผิวที่มีผื่นขึ้นหน้า ซึ่งปราการผิวอ่อนแอมากๆ สามารถใช้ได้อย่างสบายใจครับ
ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของเซราวี ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยเสริมชั้นปราการผิวให้แข็งแรง ได้แก่ เซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว ทั้ง 3 ชนิด
1.เซราไมด์ 1 : เสริมความแข็งแรงของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ผิว
2.เซราไมด์ 3 : ช่วยคงความชุ่มชื่นในระยะยาว
3.เซราไมด์ 6-II : เป็น Natural Moisturizing Factor หรือ สารที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวตามธรรมชาติ
อีกทั้งยังมี Phytosphingosine, Cholesterol, Fatty acid และ Hyaluronic acid จึงมั่นใจได้ว่าผิวของคุณจะได้รับการดูแล ให้กลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น และมีชั้นปราการผิวที่แข็งแรงได้อีกครั้ง
สรุป
การดูแลปราการผิวแข็งแรง มีสุขภาพดี ย่อมทำให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำและความชุ่มชื่นได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น หมดปัญหา ผิวแห้ง หน้าลอก ผิวลอกเป็นขุย หรือผื่นขึ้นหน้า แต่ก็อย่าลืมที่จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ รวมถึงวิธีการดูแลผิวให้ถูกต้องแบบที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นด้วย