ทำความรู้จักโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ใครมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้บ้าง

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Atopic Dermatitis เป็นอาการทางผิวหนังที่มักจะเป็น ๆ หาย ๆ ถ้าหากผิวของเรามีปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ มากระทบ ก็จะทำให้อาการกลับมากำเริบได้
มาทำความรู้จักโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ใครมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้บ้าง
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่เป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีโอกาสเป็นได้เหมือนกันหมดหากมีปัจจัยกระตุ้นมากระทบผิว ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น มลภาวะ อากาศเปลี่ยน เช่น ร้อนจัด หนาวจัด อากาศแห้ง เหงื่อออก ก็จะมีผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบขึ้นมาได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ อาการของโรค และการดูแลผิวอย่างไรให้สุขภาพดีและห่างไกลจากผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) คืออะไร และมีอาการอย่างไรบ้าง?

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Atopic Dermatitis เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย คนที่มีปัญหาผิวแบบนี้ มักจะมีประวัติครอบครัว หากคุณพ่อหรือคุณแม่ที่เป็นโรคแบบนี้อยู่แล้วด้วยก็สามารถที่จะส่งผ่านมาถึงลูกได้ และมีปัจจัยทางด้านภูมิต้านทานของร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แม้ว่าเมื่อเราอายุมากขึ้นแล้ว โอกาสเป็นจะน้อยลงก็ตาม แต่ถ้ามีปัจจัยกระตุ้นมากระทบผิวก็จะทำให้อาการกำเริบได้

โดยมากอาการที่พบได้คือ ผิวแห้ง ผื่น คัน ระคายเคือง ผื่นแดง ผื่นขึ้นหน้า หรือผื่นขึ้นตามลำตัว ตามข้อพับ มีอาการคันร่วมด้วย และถ้าเราเผลอไปเกาก็จะทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบลุกลามตามมาได้ และอย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนต้น อาการเหล่านี้มักจะเป็น ๆ หาย ๆ ถ้าช่วงใดที่ผิวแข็งแรงดีก็จะไม่มีอาการกำเริบของโรค ผิวก็จะเรียบเนียนสุขภาพดี แต่ถ้าช่วงใดผิวอ่อนแอ หรือเราดูแลผิวเราไม่ดี ก็จะทำให้โรคกำเริบ และผื่นกลับมาได้ครับ

อาการคันจากผื่นภูมิแห้งผิวหนัง เซราฟ

ใครที่เป็นได้บ้าง และปัจจัยกระตุ้นให้อาการกำเริบ

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเป็นปัญหาผิวหนังที่พบกันได้ทั่วไป พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะชั้นปราการผิวของเด็กยังอ่อนแออยู่ สำหรับผู้ใหญ่แม้ว่าโอกาสเป็นจะน้อยกว่าเด็กแต่ถ้าชั้นปราการผิวอ่อนแอ ถูกทำลาย หรือ ระดับเซราไมด์ในผิวที่ลดลง ก็จะทำให้ปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ สามารถเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายขึ้น และกระตุ้นให้เกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนังขึ้นได้ ซึ่งชั้นปราการผิวสามารถถูกทำลายได้จากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้...

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ ร้อนเกินไปก็ทำให้มีน้ำระเหยออกจากผิวมากขึ้นกว่าปกติ, ความอับชื้น เช่น อากาศในหน้าฝน และความแห้งของอากาศในหน้าหนาว เหล่านี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ปราการผิวมีการเปลี่ยนแปลงไป และส่งผลให้โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้เวลาที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนฤดูกาล อีกทั้ง ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ และฝุ่น ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้เช่นกัน

ปัจจัยจากไลฟ์สไตล์และพฤติกรรม

ปัจจัยจากไลฟ์สไตล์และพฤติกรรม เช่น การอาบน้ำอุ่นเกินไป อาบน้ำนานเกินไป หรือใช้คลีนเซอร์ที่มีความเป็นด่าง (มีสารสบู่) ทำให้ปราการผิวถูกทำลายมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จาก ถ้าใช้คลีนเซอร์แล้วผิวรู้สึกตึง ฝืดผิว หรือรู้สึกเอี๊ยด ๆ ที่ผิว ก็แสดงว่าความชุ่มชื่นและชั้นปราการผิวถูกทำลายไปแล้วระหว่างการอาบน้ำหรือล้างหน้า หรือคลีนเซอร์บางชนิดล้างออกยาก ก็มีโอกาสที่จะทำให้มีสารตกค้างอยู่บนผิว อาจเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้เช่นกัน ส่วนปัจจัยไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เช่น การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม ก็สามารถกระตุ้นให้ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้เช่นกัน

ปัจจัยจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นประจำ

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำ อาจมีสารบางชนิดที่เข้าไปกระตุ้นให้เกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้เช่นกัน อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันเสีย (อย่างเช่น พาราเบน) หรือผลิตภัณฑ์ที่ใส่น้ำหอม ก็สามารถกระตุ้นให้ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้

จะเห็นได้เลยว่าความแข็งแรงของชั้นปราการผิว มีความสำคัญอย่างมากที่จะป้องกันไม่ให้ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้ ดังนั้น แพทย์ผิวหนังแนะนำการดูแลโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังไว้ง่ายๆดังนี้ครับ

  • 1.หากรู้ว่าอะไรคือปัจจัยกระตุ้นให้ผื่นขึ้น ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะแต่ละคนปัจจัยกระตุ้นอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ เช่น บางคนเจอฝุ่นผื่นก็จะขึ้น แต่บางคนเจอฝุ่นกลับไม่เป็นไร แต่พอเจอเรื่องความชื้นของอากาศ หรือความชื้นที่ผิวเช่นเหงื่อออก ก็จะไปกระตุ้นให้ผื่นขึ้นได้
  • 2.ดูแลผิวเบื้องต้นอย่างถูกวิธี เช่น ไม่อาบน้ำอุ่นหรือร้อนจนเกินไป ไม่อาบน้ำนานไป (5-10 นาทีเพียงพอแล้ว) เลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีความอ่อนโยน (ปราศจากสารสบู่) ระวังอย่าเกาผิว ดังนั้นจึงควรตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ
  • 3.การเลือกใช้ครีมทาผิวที่ช่วยทำให้ปราการผิวแข็งแรง เช่น ครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของไขมันที่สำคัญต่อชั้นผิว เช่น เซราไมด์ รวมไปถึงใช้ 3-minutes rule คือหลังจากอาบน้ำ ซับตัวให้หมาดๆ แล้วทาครีมทาผิวเลยภายใน 3 นาทีหลังอาบน้ำ เพื่อให้ครีมทาผิวสามารถล็อคความชุ่มชื่นหลังการอาบน้ำได้ทันที ก่อนที่ความชุ่มชื่นจะระเหยไป และนอกจากนี้ควรทาครีมทาผิวเป็นประจำ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ไม่มีผื่นขึ้น เพื่อคงความแข็งแรงของปราการผิวให้มีสุขภาพดีเป็นประจำ
  • 4.ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีที่อาจจะไปกระตุ้นให้ผื่นกำเริบได้ เช่น ไม่ควรมีสารกันเสียพาราเบน น้ำหอม และสารแต่งสี เป็นต้น

สรุป

เคล็ดลับในการดูแลผิวไม่ให้เกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนังก็คือดูแลชั้นปราการผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ และอย่าลืมปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และปรับวิธีการดูแลผิวให้ถูกต้องแบบที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นด้วยนะครับ